หมู่เกาะพี่พี่ - Phi Phi Islands

by 02:04


หมู่เกาะเล็กๆ แต่มีชื่อเสียงขจรขจายในเรื่องความสวยงามไปทั่วโลกแห่งนี้นั้น ใครๆ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาติไหนๆ ต่างก็สนใจอยากจะมาเยี่ยมเยือนกันสักครั้งหนึ่งในชีวิตอย่างเกาะพี่พี่เล สักครั้งที่ได้ไปเดินเล่นในเวิ้งอ่าวมาหยาที่มีหาดทรายขาวสะอาดตัดกับผืนน้ำสีฟ้าอมมรกตสดใสในวงล้อมของอ่าวโค้งเกือบเต็มวงกลม หรืออีกครั้งได้ไปนั่งเรือชมปิเละ ทะเลในซอกอ่าวลึกล้ำที่น้ำทะเลสีมรกตทะลวงลึกเข้าไปในวงล้อมของหุบเขาสีส้มเขียวจนเกือบจะทะลุไปอีกฟากเกาะ หรืออีกสักครั้งที่ได้ขึ้นไปชมทิวทัศน์บนยอดเขาเกาะพีพีดอน ได้เห็นเวิ้งอ่าวบันลือโลกสองอ่าวลึกลงไปชมเหล่าปะการังอ่อนสีชมพูสดใสใต้ฟื้นผิวน้ำที่กองหินหมูสังเท่านี้นักท่องเที่ยวหลายๆ คนจากทั่วโลกก็คงจะได้เต็มอิ่มกับความฝันทางการท่องเที่ยวอันแสนสุข แม้จะต้องแลกมาด้วยเงินจำนวไม่น้อยเป็นค่าเดินทางเพื่อรอนแรมมาไกลจากค่อนโลกก็นับว่าคุ้มค่าไม่น่าเสียดายอะไร


Phi Phi Islands
           One of the world’s most beautiful tourist destinations, a hour by modern speed boat from Phuket port . It is composed of two rocky, tree-covered islets.
          One is Phi Phi Don where several long white powdery beaches attract visitors here to sunbathe and swim, and the other is rocky Phi Phi Le where thousands of swifts nest inside the Viking Cave. 
           With its emerald crystal sea, secluded beaches, wooded coifed mountains, colorful coral reefs and undersea life , Phi Phi is a paradise in the Andaman


กระบี่สวรรค์ของคนพายเรือท่องทะเล

by 19:59


จังหวัดกระบี่ เมืองท่องเที่ยวที่อาจเรียกได้ว่าเป็นสรวงสวรรค์ของการพายเรือท่องเที่ยวทางทะเล ด้วยว่าจังหวัดนี้มากมายด้วยทรัพยากรที่เอื้อต่อการพายเรือคายักลำเล็กๆ ท่องเที่ยว ทั้งที่ไปตามลำคลองชายฝั่งสายเล็กๆ ที่สวนใหญ่น้ำในคลองก็จะใสสะอาด บางแห่งถึงกับใสปิ๊งเป็นน้ำประปา หลายๆ แห่งแม้น้ำจะไม่ใส แต่ก็มากมายด้วยป่าโกงกาง พืชพรรณไม้ในเขตทรอปิคอลต่างๆ โชคดีนักท่องเที่ยวยังมีโอกาสได้เจอฝูงสัตว์ป่า อย่างลิงค่างหลากพันธุ์ ปูปลาป่าชายเลนสีสันแปลกๆ หรือเจ้าตะกวดตัวใหญ่ยักษ์ออกมาท่องน้ำหากินให้เห็นกันจะๆ หรือไม่ก็ได้เห็นพรรณไม้หายากอย่างจันทน์ผาต้นยักษ์ๆ หรือกล้วยไม้ป่า รองเท้านารีเหลืองกระบี่ที่ขึ้นชื่อลือชา ส่วนักท่องเที่ยวที่ชอบพายเรือไกลไปในทะเลกว้าง ชายฝั่งกระบี่ก็มากมีด้วยป่าเกาะน้อยใหญ่พายไปพักไปได้แบบเหนื่อยกำลังพอดี และมีอะไรต่อมิอะไรให้ชมระหว่างทางมากมาย ด้วยเหตุนี้ จังหวัดกระบี่จึงเป็นจังหวัดที่นักพายเรือท่องเที่ยวชื่นชอบ และผู้ประกอบการพายเรือก็ชื่อใจ เพราะตัวเลขผู้ใช้บริการมีมาเป็นจำนวนมาก ทุกวันนี้รัศมีที่เดินทางมากระบี่ได้ไม่เกินชั่วโมงครึ่ง นักท่องเที่ยวจกาทุกที่ไม่ว่าเป็นภูเก็ต พังงา ล้วนเลือกมาใช้เวลาสักวันหนึ่งในการพายเรือท่องเที่ยวกับบริการพายเรือหลากหลายในเมืองกระบี่กันแทบทั้งหมด






หมู่เกาะลันตา - Lanta Islands

by 02:36

หมู่เกาะที่ประกอบไปด้วยอ่าวและหาดทรายที่สวยงามมากมายหลายแห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดกระบี่ หมู่เกาะลันตาประกอบด้วยเกาะ 3 เกาะเรียงตัวจากเหนือจดใต้ได้แก่ เกาะลันตาน้อย เกาะกลางและเกาะลันตาใหญ่ และยังมีเกาะเล็กๆ อีกมากมายราว 49 เกาะ ศูนย์กลางของเกาะอยู่บริเวณเกาะลันตาใหญ่ เนื่องจากเป็นท่าเทียบเรือบ้านศาลาด่าน และที่นี่เองที่ถือเป็นศูนย์รวมความหลากหลายของที่พัก ร้านรวง และสถานบันเทิงต่างๆ อีกทั้งหาดทรายอันเลื่องชื่อที่กระจายอยู่รอบเกาะ


หาดคลองดาว หรือหาดโละบาหรา ความยาว 3 กิโลเมตร เป็นหาดทรายสีขาวปนเทาอ่อนๆ เมื่อน้ำลงจะเป็นหาดที่กว้างและสะอาดนักท่องเที่ยวให้ความนิยมมากที่สุดสามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสบายและอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือศาลาด่านใกล้แหล่งความเจริญ จึงมีความครึกครื้นมากกว่าหาดอื่นๆ ตกกลงางคืนจะมองเห็นแสงสีจากร้านอาหารซีฟู้ดทอดยาวตลอดริมทะเล เหมาะสำหรับผู้ที่รักความสนุกสนาน และด้วยความที่มีรีสอร์ตหลากหลายสไตล์ หลายราคาให้ักท่องเที่ยวได้สไตล์ หลายราคาให้นักท่องเที่ยวได้เลือก หาดคลองดาวจึงไม่เหงาทั้งกลางวันและกลางคืน

หาดคอกวาง บริเวณแหลมคอกวาง เป็นโค้งอ่าวที่สยงามเว้าเข้าหากันเป็นรูปคอกวาง มีหาดทรายที่แม้ไม่ขาวมากนัก แต่บรรยากาศก็่าพักผ่อน เพราะมีความร่มรื่นจากทิวสนทะเลที่ขึ้นขนานเป็นแนวตลอดชายหาด อีกทั้งยังเป็นแหล่งชมพระอาทิตย์ตกอันเลื่องชื่อ
       บนเกาะลันตายังมีหาดเล็กๆ แต่สงบ อย่างหาดพระแอะ อยู่ถัดจากหาดคลองดาว ชาวต่างชาติเรียกหาดแห่งนี้ว่า Long Beach เพราะมีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร หาดคลองโขง หาดคลองนิน หาดคลองโตบ ที่เงียบสงบ หาดบากันเตียง อยู่ถัดจากหาดคลองนิน มีลักษณะเป็นโค้งอ่าวรูปครึ่งวงกลม หาดทรายมีความละเอียดสีขาวปนเทา เมื่อน้ำลงจะปรากฏแนวหินกรวดกลมมนขนาดย่อมๆ กระจายเป็นวงแหวนรอบแนวหาด สวยงามแปลกตายิ่งนัก
      

        ที่พลาดไม่ได้คงจะหนีไม่พ้น หาดคลองจาก หรืออ่าวคลองจากชายหาดโค้ง มีหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลสีสวย มีความเป็นส่วนตัว เหมาะแก่การพักผ่อนนอนอาบแดดและเล่นน้ำทะเล จากหาดนี้ยังสามารถมองเห็นเกาะรอกได้อย่างชัดเจน และมีบริการทัวร์พาไปดำน้ำที่เกาะรอก หรือจะเดินไปเที่ยวน้ำตกคลองจากก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ อ่าวไม้ไผ่ อ่าวสุดท้ายก่อนจะถึงแหลมโตนดมีทัศนียภาพของชายหาดที่ขาวละเอียดตัดกับน้ำทะเลสีเขียวมรกต


        นอกจากนี้ เกาะลันตายังมีแหลมโตนด เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา อยู่ปลายสุดของเกาะ ลักษณะเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล มีต้นโตนดขึ้นอยู่มากมายเป็นดง อันเป็นที่มาของชื่อแหลมโตนด ทางด้านทิศตะวันตกเป็นหาดหิน เรียกว่าหาดหินงาม ส่วนทางด้านทิศตะวันออกเป็นหาดทราย เหมาะที่จะชมทิวทัศน์และบรรยากาศในยามเย็น ซึ่งสวยงามที่สุด
        แม้ปัจจุบันจะมีสีสันความคึกคักจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ความงดงามของทะเลแห่งหมู๋เกาะลันตามิได้ลดลงเลย การมาเยือนเกาะลันตาและได้พักผ่อนริชายหาดให้ลมไล้ผิวขณะมองระยิบของคลื่นที่กระทบแดด เพียงเท่านี้ก็ทำให้วันพักผ่อนแสนธรรมดากลายเป็นวันพิเศษได้อีกวันหนึ่ง



ข้อมูลจาก  : คู่มือท่องเที่ยวทะเลอันดามัน



หมู่เกาะสุรินทร์ - Surin Islands

by 22:55

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดพังงาประกอบไปด้วยเกาะใหญ่ 5 เกาะ ได้แก่ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี เกาะไข่ และเกาะกลางประวัติเล่าว่า พระยาสุรินทรราชา (นกยูง วิเศษกุล๗ เทศาภิบาลเมืองภูเก็ต เป็นผู้ค้นพบเกาะ และตั้งชื่อ "หมู่เกาะสุรินทร์" เมื่อครั้งที่ท่านมาสำรวจทะเลฝั่งอันดามัน
        ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของหมู่เกาะสุรินทร์อยู่ที่อ่าวช่องขาดตั้งอยู่ระหว่งเกาะสุรินทร์เหนือกับเกาะสุรินทร์ใต้ เป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานฯ มีร้านอาหาร ที่พัก ท่าเทียบเรือ เรือรับจ้างบริการไปยังอ่าวต่างๆ บรรยากาศบริเวณนี้ร่มรื่น หาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใส และมีแนวปะการังน้ำตื้นอยู่เป็นช่วงๆ เหมาะกับการพักผ่อนเดินเล่น ทำกิจกรรมชายหาด หรือจะดำน้ำดูปลาสวยงามก็น่าสนใจไม่น้อย
        สำหรับแหล่งดำน้ำตื้นยอดนิยม ของหมู่เกาะสุรินทร์ ได้แก่ เกาะตอรินลา หรือเกาะไข่ บางคนเรียกว่า "กองเหลือง" อยู่ทางทิศใต้ของเกาะสุรินทร์ใต้ เป็นจุดำน้ำที่งดงามมีดงปะการังเขากวงาขนาดใหญ๋อันอุดมสมบูรณ์ มีปลาสวยงากว่า 200 ชนิด และยังสามารถพบปลากระเบนได้บ่อยๆ อ่าวเต่าเเป็นแนวปะการังที่ค่อนข้างลึก ส่วนใหญ๋เป็นปะการัสีสวยขนาดเล็ก เนื่องจากอ่าวนี้ลึกพอสมควร จึงสามารถพบเห็นเต่ากระ กระเบนราหู กระทั้งฉลามวาฬพบ่อยครั้ง


         อ่าวผักกาด อ่าวเล็กๆ ที่มีปะการังริมฝั่งไม่ไกลนัก เป็นบ้านของปลาเล็กปลาน้อยสีสันสวยงามที่อาศัยอยู่ตามดอกไม้ทะเล ปะการังอ่อน และกัลปังหา ถึงแม้จะเป็นอ่าวขนาดเล็ก แต่มีสัตว์ทะเลที่หลากหลายมาก ที่เด่นๆ จะเป็ฯหอยมมอเสือ ปลาผีเสื้อ และปลาสินสมุทร
        อ่าวไม้งาม สามารถเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติจากที่ทำการอุทยานฯ ระยะทาง 2 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกของเกาะสุรินทร์เหนือ เป็นหาดทรายที่สวยงาม พบเห็นปูเสฉวนได้เป็นจำนวนมาก ปะการังที่พบบริเวณอ่าวนี้ห่างจากฝั่งอยู่พอสมควร เป็นจำพวกปะการังแผ่น ปะการังเขากวาง เนื่องจากความหนาแน่นของกลุ่มปะการัง การดำน้ำบริเวณนี้จึงควรดำในเส้นทางที่กำหนด เพราะนักท่องเที่ยวอาจเพลินจนไปเกยกับโขดหินที่มีหอยเม่นอยู่มากได้ นอกจากนี้ ที่บริเวณอ่าวไม้งาม ทางอุทยานฯ ได้จัดให้เป็นสถานที่แค้มปิ้ง โดยมีที่กางเต้นท์ ห้องน้ำ ห้องสุขา พร้อมให้บริการ
     ไม่เพียงความงดงามของธรรมชาติบนผืนน้ำและโลกใต้ทะเลเท่านั้น บริเวณอ่าวไทรเอนและอ่าวบอนบนเกาะสุรินทร์เหนือ ยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวมอแกน ซึ่งยังคงวิถีการดำรงชีพแบบดั้งเดิมอีกทั้งประเพณีต่างๆ ของพวกเขาก็น่าสนใจไม่แพ้ธรรมชาิตที่สวยงาม

การเดินทาง
        จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหวลงหมาย 4 (ถนนพระราม) มุ่งหน้าสู่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ระยะทางประมาณ 720 กิโลเมตร ก่องถึงอำเภอคุระบุรีประมาณ 6 กิโลเมตร บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 721 มีทางแยกเลี้ยวเข้าท่าเรือคุระบุรีประมาณ 2 กิโลเมตรจะเห็นป้ายอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์อยู่ทางขวามือ
         จากท่าเรือคุระบุรี มีบริการเรือโดยสารไปยังเกาะสุรินทร์ โดยเรืจะออกเวลา 09.00 นาฬิกา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที โดยจะไปจอดบริเวณหน้าอ่าว จากนั้นมีเรือหางยาวมารับไปส่งยังอ่าวช่องขาด หรืออ่าวไม้งาม ค่าโดยสารไป-กลับประมาณ 1200-1700 บาท

ข้อมูลจาก : คู่มือท่องเที่ยวทะเลอันดามัน

ทะเลกระบี่ - Krabi Beach

by 00:57

กระบี่ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองไทย ด้วยความสวยงามของทะเลสีคราม ท้องฟ้าสดใส แนวขายหาดที่งดงาม รวมถึงเป็นศูนย์ กลางการท่องเที่ยวทะเลและหมู่เกาะต่างๆ โดยมีอ่าวนางเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมด้วยความคึกคักของชายหาดที่เต็มไปด้วยโรงแรม รีสอร์ต และร้านอาหารมากมายคอยให้บริการนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังเป็นจุดที่จะเดินทางต่อไปยังอ่าวถ้ำพระนางหรืออ่าวพระนาง ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอ่าวนาง นักท่องเที่ยวจะต้องนั่งเรือออกไป เพียงไม่ไกลนักก็จะได้สัมผัสกับความสงบเงียบเป็นส่วนตัว อันเป็นที่ปรารถนาอย่างแท้จริง 
          ทะเลกระบี่ยังมีเกาะที่สวยงามขึ้นชื่ออย่างเกาะห้อง ด้วยทัศนียภาพอันงดงามโอบลอ้มด้วยน้ำทะเลสีครามและหาดทรายขาวละเอียดมีจุดดำน้ำที่น่าสนใจอย่างอ่าวปิเละซึ่งเป็นอ่าวที่มีหาดทรายโค้งสวยงามเม็ดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงปลาเล็กๆ ไม่ไกลนักจากชายหาดมีกัลปังหาและปะการังหลากชนิด อ่าวห้องลักษณะคล้ายสระน้ำะรรมชาติขนาดใหญ่ ผนังเป็นหน้าผาชันลักษณะคล้ายกับห้อง


          ใช่เพียงเท่านี้ ที่หาดไร่เลยังเป็นจุดกำเนิดของกิจกรรมปีนผาอันน่าตื่นเต้น ด้วยหน้าผาสูงชันและวิวทะเลอันงดงาม ที่จะต้องปีนขึ้นไปชมเท่านั้น เสน่ห์ของไร่เลอยู่ตรงที่เส้นทางในการปีนนั้นมีมากกว่า 1,000 เส้นทาง ท้าทายนักปีนผาที่ชอบความตื่นเต้นแปลกใหม่อยู่เสอม บางคนมาอยู่เป็นแรมปีก็ยังปีนไม่ครบทุกเส้นทาง นี่อาจเป็นเสน่ห์อันน่าหลงใหลที่ทำให้นักผจญภัยทั่วโลกเดินทางมายังจังหวัดกระบี่
          ไม่ไกลนักจากหาดไร่เล ทางทิศตะวันตกเป็นที่ตั้งของอ่าวต้นไทรซึ่งสามารถเดินลัดเลาะแนวโขดหินไปได้ในช่วงน้ำลง

          เหล่านี้เอง ทำให้อ่าวนาง อ่าวถ้ำพระนาง เกาะห้อง และหาดไร่เลเป็นจุดหมายของนักเดินทางที่ออกตามหาความฝันข้ามโลกมาจนถึงท้องทะเลอันดามัน ทั้งหมดนี้สามารถการันตีความสวยงามของทะเลกระบี่ได้เป็นอย่างดี



การเดินทาง
           จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจบคีรีขันธ์ จัวหวัดชุมพร ถึงแยกพุนพิน จังหวัดสุราษฏร์ธานี จากนั้นเลยมาทางจังหวัดนครศรีธรรมราชราว 20 กีโลเมตร แล้ววนซ้ายขึ้นสะพานเวียนมาเข้าทางหลวงหมายเลข 44 (เซาเทิร์นซีบอร์ด) จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 4 อีกครั้งที่บ้านไหนหนัง ตรงไปจนถึงจังหวัดกระบี่
           หากต้องการไปอ่าวนางจากตัวเมืองกระบี่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4034 (กระบี่-หนองทะเล) จากนั้นเลี้ยวเข้าถนนนพรัตน์ธาราจะถึงอ่าวนาง

ข้อมูลจาก : หนังสือคู่มือท่องเที่ยวทะเลอันดามัน

เกาะภูเก็ต - Phuket Islands

by 20:52

ภูเก็ต เมืองแห่งการท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งอันดามันเพราะความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ประกอบกับมีแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบสนองความต้องทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อย่างหาดป่าตอง ชายหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดบนเกาะภูเก็ตไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว หรือนอกฤดูกาล ชายหาดแห่งนี้ก็คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว เพราะเป็นชายหาดที่กว้างใหญ่ หาดทรายขาวละเอียด เหมาะแก่การเล่นน้ำ หรือแม้แต่กิจกรรมทางน้ำน่าตื่นเต้นอย่างเจ็ตสกี สปีดโบต บานานาโบตยามค่ำคืนหาดป่าตองก็ไม่เคยหลับใหล แต่กลับเต็มไปด้วยร้านอาหารอร่อยๆ มากมายหลายเชื้อชาติเรียงรายอยู่ริมหาด พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสุขครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมเกสตฺเฮาส์ สปา แหล่งช้อปปิ้ง
          นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมนันทนาการหลากหลายรูปแบบที่คอยต้อนรับและเติมเต็มความสุขให้กับนักท่องเที่ยวเกือบตอลด 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดของการท่องเที่ยวบนเกาะภูเก็ตเลยทีเดียว
          หากต้องการดำน้ำดูปะการังบริเวณหาดกะตะก็เป็นจุดที่น่าสนใจ เพราะมีแนวปะการังยาวเหยียด สามารถดน้ำตื้นชมปะการังหลากชนิดได้อย่างสบายอีกทั้งยังมีจุดชมวิวที่มองเห็นเวิ้งอ่าวกะตะน้อย กะตะ และกะรนคลายดวงจันทร์เสี้ยวเรียงต่อกันงดงามไม่แพ้ทะเลไหนๆ


         ถามถึงความสงบเรียบง่ายเป็นส่วนตัว หาดกมลาก็เป็นจุดหมายที่เข้าตาอย่างมาก เนื่องจากเป็นหาดเล็กๆ ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนเป็นครอบครัว มีร้านอาหารหลายรูปแบบ ทั้งไทยและเทศ รวมไปถึงโรงแรมขนาดเล็ก มินิบาร์เก๋ๆ จงเป็นที่นิยมอย่างมากของชาวต่างชาติที่มาพักผ่อนระยะยาว
         และที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยี่ยมเยือนเมืองภูเก็ต นั่นคือแหลมพรหมเทพ สุดยอดสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย อบอวลไปด้วยบรรยากาศอันแสนดรแมนติก เหล่าคู่รักจึงมักชวนกันมานั่งชมแสงสุดท้ายแห่งวัน พร้อมกับปล่อยใจไปกับห้วงเวลานั้น ท่ามกลางทิวทัศนฺ์ที่งดงาม เปี่ยมมนตร์ขลังชวนให้หลงใหลอยู่ไม่น้อย



        มาภูเก็ตทั้งที หากต้องการให้ครบถ้วนกระบวนการท่องเที่ยว ก็อย่าลืมไปแวะชมตัวเมืองภูเก็ตสักหน่อย สัมผัสบ้านเรือนเก่าแก่แบตะวันตกสไตลน์นีโอคลาสสิกผสมผสานกับแบบตะวันออกของจีน ที่ยังคงมีให้เห็นอย่างสมบูรณ์มากแถวย่านถนนถลาง ถนนกระบี่ ถนนเยาวราช และถนนดีบุก ซึ่งเป็นจุดยอดฮิตในการชมสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น แล้วอย่าลืมแวะไปชิมอาหารเช้าแบบชาวภูเก็ตแถวถนนถลาง ชิมติ่มซำหลากหลายรูปแบบ โรตี มะตะบะ กินกับแกงเนื้อ แกงไก่ อร่อยเด็ด เสิร์ฟพร้อมชาร้อนๆ ตบท้ายด้วยกาแฟโบราณรสเข้ม เท่านี้ก็เป็นอันว่าครบสูตรการมาเยือนเมืองไข่มุกแห่งอันดามันแล้ว




การเดินทาง
        จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35  (ถนนพระราม 2 ) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านหจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตรงมาถึงจังหวัดชุมพร จากนั้นมี 2 เส้นทางให้เลือก คือ
       - เส้นทางแรก เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านอำเภอกระบุรี ตัวเมืองระนอง อำเภอกะเปอร์ อำเภอสุขสำราญ อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ข้ามสะพานท้าวเพทกระษัตรี (สะพานสารสิน) เข้าจังหวัดภูเก็ต
      - เส้นทางที่สอง ใช้ทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอสวี อำเภอทุ่งตะโก อำเภอหลังสวน อำเภอละแม อำเภอท่าชะ อำเภอไชยา อำเภอท่าฉาง อำเภอพุนพิน แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 401 ตรงมาจนพบสามแยกที่อำเภอพนมจึงเลี้ยวซ้ายเข้าทางหมายเลข 415 ตรงมาเรื่อยพบสามแยก ให้เลี้ยวเข้าอำเภอทับปุด แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 4144 เรื่อยมาจะพบสามแยกที่มีป้ายให้เลี้ยวซ้ายเข้าจังหวัดภูเก็ต


ข้อมูลจาก : หนังสือคู่มือท่องเที่ยวทะเลอันดามัน

Good place for diving in phuket

by 22:59


หากคุณกำลังหาที่เรียนดำน้ำลึก หรืออัพเกรดทักษะการดำน้ำของคุณ ภูเก็ตเป็นสถานที่เรียนที่ดีที่สุดที่รองรับโดย PADI ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ 1 ใน 10 ของจุดหมายการดำน้ำที่ดีที่สุดในโลก และเป็นพื้นที่ศูนย์กลางที่เปิดบริการตลอดปี จะเป็นสถานที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้คุณสามารถกลับไปโม้กับเพื่อนๆหรือครอบครัวของคุณได้ 
ทริปดำน้ำจากภูเก็ตไปเกาะพีพี เกาะราชา เป็นอุทยานแห่งชาติที่เปิดดำเนินการตลอดปี เป็นจุดเริ่มต้นของนักดำน้ำที่มีประสบการณ์ ชื่นชมทัศนียภาพที่เกาะพีพี ซากเรือสำราญที่มีประวัติน่าสนใจ รวมถึงแนวปะการังสวยๆ ปลาการ์ตูนสวยๆ จุดดำน้ำที่น่าตื่นเต้น รวมถึงจะเห็นปลาฉลามเสือดาวที่อาศัยอยู่บนผืนทรายใต้น้ำทะเลและธรรมชาติสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจอื่นๆอีกมากมาย

Want to learn to dive, or simply to upgrade your skills? Phuket is a great place to achieve your PADI (Professional Association of Diving Instructors) certificate. It is rated amongst the top 10 diving destinations in the world and many of the centres in the area boast years of experience. Diving day trips from Phuket to Phi Phi Island and the Racha Islands operate throughout the year. Both beginners and experienced divers will appreciate the underwater scenery at Phi Phi, the fascinating King Cruiser wreck close to Anemone Reef, and the exciting diving at Shark Point - named after the Leopard sharks which live on the sandy bottom.





การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน

by 22:01

การเดินทางไปเกาะสิมิลัน สามารถจองทัวร์ได้กับทัวร์ท่องเที่ยวที่ให้บริการไปเกาะสิมิลันได้ทั่วไปจากภูเก็ตหรือเขาหลักพังงา ถ้าลูกค้าพักอยู่ภูเก็ตก็เดินทางจากภูเก็ตไปยังทับละมุ จังหวัดพังงา ประมาณ 2 ชั่วโมง
การเดินทางด้วยเรืออาจจะเดินทางด้วยเรือสปีทโบ๊ท จากท่าเรือทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 70 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายพังงา-ตะกั่วป่า และเป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้อุทยานฯที่สุด ประมาณ 40 กิโลเมตร จากท่าเรือทับละมุใช้เวลาในการเดินทางไปหมู่เกาะสิมิลันประมาณ 2-3 ชั่วโมง และใกล้ ๆ บริเวณท่าเรือทับละมุมีที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเดินทางไปหมู่เกาะสิมิลัน

Getting to the Similans 

There is no regular boat service for visitors to the island, and during the low season months of May-October boats may stop running altogether depending on the weather conditions. Thap Lamu Pier, in the Thai Muang district of Phang Nga province, is the nearest launching point to the Similans, with boat trips taking about 2-3 hours. 
More adventurous travellers may try to hitch a ride with some of the local boats heading out there - just be sure to allow lots of time since there's no guarantee that there will be a ride back on any given day. 

ไฮไลต์หมู่เกาะสิมิลัน อะไรที่ทำให้เกาะเป็นที่น่าสนใจ

by 19:38

ทัศนียภาพของหมู่เกาะสิมิลันจะแตกต่างกับเกาะกระบี่หรืออ่าวพังงา ทั้งหมดเป็นเกาะที่มีทัศนียภาพทีงดงามมากของทะเลอันดามัน และคุณจะพบที่ลุ่มก่อตัวด้วยป่าหนาทึบต้นไม้ที่เป็นขนาดใหญ่ ต้นขนุน หวายและไผ่เป็นส่วนหนึ่งของพงป่าหนาแน่นหมู่เกาะสิมิลันเป็นที่ตั้งของลิงแสม งูดำ กระรอก ค้างคาว จิ้งจกและนกหลายชนิด(ลิงไม่ค่อยจะได้พบเห็นโดยผู้คนมากนัก)

แต่คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของหมู่เกาะเหล่านี้สิ่งแรก เป็นก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ฝั่งตะวันตกและทางใต้ของเกาะต่างๆ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่ผู้คนจะค้นพบคือหาดทรายสีขาวที่มีแนวปะการังที่งดงามและรกร้างไปเรื่อยๆ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุด อย่างไรก็ตาม ใต้น้ำจะพบการเจริญเติบโตของปะการังที่น่าตื่นตาที่สุดในโลก สามารถพบได้ที่นี่ และก้อนหินที่แผ่กระจายไปทั่วชายฝั่งรอบเกาะสิมิลัน และยังเป็นสถานที่ที่เป็นที่นิยมสำหรับนักดำน้ำกับกิจกรรมผจญภัยด้านดำน้ำลึก


Similan Islands Highlights What is it that makes these islands so attractive? 

The Similans aren't as dramatically scenic as the limestone islands of Krabi or Phang Nga Bay, which many people have come to associate with the Andaman Sea. Instead, you find low-lying formations covered with thick forest.

Ironwood and gum trees are among the larger trees, while jackfruit, rattan and bamboo form part of the denser undergrowth. The islands are home to crab-eating monkeys, dusky langurs, squirrels, bats, lizards and a good variety of birds (though the monkeys are shy and rarely seen by the casual observer).

But the most striking feature of these islands, at first glance, are the huge boulders that litter the western and southern shores on several of the islands. Another highlight, as the visitor soon discovers, are the white coral-sand beaches, splendidly picturesque and often deserted.

The most interesting sights, however, are to be found beneath the waves. Some of the most spectacular coral growths in the world can be found here - and the same boulders that scatter the shores have turned the waters around the Similans into an adventure playground for divers.


เกาะห้า เกาะหูยง เกาะเมียง ณ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน

by 20:11

เกาะห้า
                    เป็นเกาะเล็กๆ แต่เป็นจุดดำน้ำที่น่าสนใจ และงดงาม มีเอกลักษณ์ของเกาะ คือ ปลาไหลสีขาวเทา ที่ชอบโผล่หัวชูคอขึ้นมาจากรู จนได้ชื่อว่า สวนปลาไหล บริเวณนี้ยังเต็มไปด้วยปะการังอ่อน ปะการังแข็งที่มีอยู่มากมาย
กิจกรรม : ดำน้ำตื้น , ดำน้ำลึก

เกาะหูยง
                    เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวสะอาด และยาวมากที่สุดในบรรดาเกาะทั้งหมด ซึ่งหาดของเกาะนี้เป็นที่วางไข่ของเต่าทะเลหลายชนิด
กิจกรรม : ชมทิวทัศน์,  ดำน้ำลึก, ดำน้ำตื้น

เกาะเมียง
                    เป็นเกาะที่มีขนาดพื้นที่รองจากเกาะสิมิลัน และเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติ (บนเกาะ) เกาะนี้มีแนวหาดทราย 2 หาด ทั้งสองหาดเชื่อมถึงกันโดยทางเท้า ใช้เวลาในการเดินประมาณ 10 นาที
1.หาดหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เป็นหาดทราย ยาวประมาณ 400 เมตร ทรายขาวละเอียดและสวยมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย น้ำทะเลสีฟ้า เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำได้ มีปะการังกระจายอยู่เป็นกลุ่ม ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของหาดมีแนวปะการังต่อเนื่องไปถึงแนวหินยาว ทำให้บริเวณนี้เป็นจุดดำตื้นได้อย่างสบายๆ เพราะไม่ต้องเดินหรือว่ายน้ำจากหาดหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
2.หาดเล็ก เป็นหาดอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ สามารถเดินจากหาดหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ตามทางเดินเท้าประมาณ 300 เมตร ทางเดินเท้าจะผ่านป่าดิบชื้นสมบูรณ์ เหมาะสำหรับเดินศึกษาธรรมชาติ ที่สำคัญ คือ เป็นจุดชมปูไก่ ที่หาดูได้ยาก บริเวณหาดเล็ก มีทรายที่ขาวสะอาด น้ำทะเลสวยใส มีแนวปะการังขนาดเล็กกระจายเป็นหย่อมๆ เหมาะสำหรับดำน้ำตื้นเช่นกัน
กิจกรรม : ดำน้ำตื้น , เดินป่าศึกษาธรรมชาติ , กิจกรรมชายหาด

Ko Ha 
Small but interesting location for diving. The main attractions and uniqueness for this island is the white and grey eels which usually pop up from the holes. There are so many of the place called “Suan Pla Lai”. Moreover, the area is also full of soft coral and stony coral. 
Activities : Snorkelling Diving , Scuba Diving

Ko Hu Yong 
An island with white sandy and the longest beach among all islands. The beach of this island is also a place where sea tortoises come and lay their eggs. 
Activities : View , Scuba Diving , Snorkelling Diving

Ko Miang 
Second largest island. There are 2 adjoining beach lines on this island which can be walked from one to another in 10 minutes. The beach in front of the national park office is 400 metres long with one of the whitest sand in Thailand. There are corals scattering around the area. On the North-Eastern side, there are coral reefs suitable for shallow water diving. As for the smaller beach on the eastern side, tourists can either take a walk through lush primary forest (approximately 300 metres) or along Ko Meang nature’s attraction trekking route with white sandy beach and clear water where land crab and small corals can be seen. 
Activities :  Snorkelling Diving , Nature trail study , Activities on Beach





แหล่งดำน้ำที่สวยงามที่สุดของโลก ติดอันดับ 1 ใน 10

by 20:59


หมู่เกาะสิมิลันคือสรวงสวรรค์แห่งใต้สมุทรที่อุดมไปด้วยสรรพชีวิต ไม่ว่าจะเป็นปะการัง และหมู่ปลา มีน้ำใสราวแผ่นกระจก งดงามจนติดอันดับ 1 ใน 10 ของแหล่งดำน้ำที่สวยงามที่สุดของโลก ส่วนหินเรือใบบนเกาะแปดก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะสิมิลันซึ่งรู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยว คำว่า “สิมิลัน” เป็นภาษายาวี แปลว่าเก้า อันหมายถึงเกาะสำคัญ 9 เกาะ ได้แก่ เกาะหนึ่ง (เกาะหูยง) เกาะสอง (เกาะปายัง) เกาะสาม (เกาะปาหยัน) เกาะสี่ (เกาะเมียง) เกาะห้า เกาะหก (เกาะบายู) เกาะเจ็ด (เกาะปูซาร์) เกาะแปด (เกาะสิมิลัน) และเกาะเก้า (เกาะบางู) โดยมีเกาะสิมิลันเป็นเกาะใหญ่ที่สุดคือมีเนื้อที่ประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร และเกาะเจ็ดเป็นเกาะขนาดเล็กที่สุด เพราะเป็นเพียงกองหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางน้ำ มีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น หินหัวช้าง หินหัวกะโหลก และหินปูซาร์ เป็นต้น



ฤดูกาลที่เหมาะสมในการไปท่องเที่ยวหมู่เกาะสิมิลันคือระหว่างปลายเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนเมษายนเพราะปราศจากลมมรสุม กิจกรรมดำน้ำลึกในหมู่เกาะสิมิลันถือว่ามีความโดดเด่นที่สุด สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจได้ทุกเมื่อ

ในหมู่เกาะสิมิลันคุณสามารถเห็นปลาฉลามครีบเงินและฉลามเสือดาว หินม้วนเดียว มีปะการังและกัลปังหานานาชนิดให้ชม แฟนตาซีรีฟ เป็นกองหินที่พบสัตว์ทะเลสวยงามแทบทุกชนิด คริสต์มาสพอยต์ พบปลาไหลริบบิ้นสีดำ ปลาบู่สีเพลิง หมู่เกาะสิมิลันนับเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำและศูนย์รวมของสรรพชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ การเจริญเติบโตของปะการังที่สวยงามตระการตาใต้โลกสีครามที่เต็มไปด้วยสีสันอย่างแท้จริง
โดยปกติการไปท่องเที่ยวหมู่เกาะสิมิลันคือระหว่างปลายเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคมเพราะปราศจากลมมรสุมในช่วงฤดูร้อน แต่การมองเห็นทัศนวิสัยใต้ได้ได้ดีที่สิมิลัน โดยเฉลี่ยประมาณ 18 - 25 เมตร และบางครั้งเกิน 40 เมตร หมู่เกาะสิมิลันมีแหล่งดำน้ำกว่า 50 แห่งได้



As the world's top ten diving location, similan is a place worth heading to. The Similan Islands, located about 100 kilometers northwest of Phuket, are composed of 9 granite islands surrounded by a clear tropical ocean and blessed with some of the world’s finest beaches.

The Similan Islands host the most beautiful group of diving sites in Thailand and are one of the best areas for diving in the world.

In Similan Islands you can see whale sharks, and large cow tail rays and leopard shark are reasonably common too. You can also see white tip and black tip sharks, enjoy the Similan for what they are famous for: wild, unspoiled beaches, magnificent coral growth, prolific fish life, crystalline blue water and sensational underwater rock formations.

Typically, the high season in the Similan is from October until May. The water tends to be the clearest in the summer and in the fall, but then again, the visibility is usually good in the Similan, averaging approximately 18-25 meters and at times exceeding 40 meters. There are well over 50 charted dive sites in the Similan chain.






ความรู้เรื่องการเจ็บป่วยจากการดำน้ำ

by 22:38
การเจ็บป่วยจากการดำน้ำ 
สาเหตุทำให้เกิดการเจ็บป่วยจากการดำน้ำ แบ่งเป็น



1.  ปัญหาจากก๊าซ ที่เกี่ยวข้องในการดำน้ำ 
1.1  ปัญหาจากก๊าซออกซิเจน 
 * ภาวะพร่องออกซิเจน ( Hypoxia)  ทำให้หมดสติ  จนถึงเสียชีวิต  เกิดจากอากาศที่นักดำน้ำใช้หายใจไม่เพียงพอ
อากาศหมด  หรือขาดอากาศจากอุปกรณ์การดำน้ำขัดข้อง     ภาวะพร่องออกซิเจน ยังเป็นสาเหตุของการหมดสติ ในการดำน้ำแบบกลั้นหายใจ (Breath hold diving) หากนักดำทำ Hyperventilation ก่อนดำเพื่อต้องการให้ดำได้นานขึ้น   จะทำให้ขาดแรงกระตุ้นอยากหายใจ  จากระดับคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำ  การหมดสติมักเกิดขึ้นขณะใกล้ถึงผิวน้ำ เนื่องจากแรงดันย่อยของออกซิเจนจะลดลงอย่างรวดเร็ว  หรือที่เรียกว่า   Shallow  water  blackout      
* การเป็นพิษของออกซิเจน (Oxygen Toxicity )   มักพบในนักดำน้ำที่ใช้ออกซิเจนเปอร์เซ็นต์สูง ในการดำน้ำที่ใช้
ระบบการดำแบบใช้อากาศหมุนเวียนกลับ มาใช้ใหม่ ( Closed Circuit หรือ Semi Closed Circuit System )
การหายใจด้วยออกซิเจนภายใต้ความกดบรรยากาศสูง ( ดำลึกเกินกว่า ๖๐ ฟุตน้ำทะเล ) ซึ่งมีแรงดันย่อยของออกซิเจนที่สูงมากเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการ  ออกซิเจนเป็นพิษ (Oxygen toxicity)  
พิษต่อปอด  มีอาการหายใจแสบขัดขณะหายใจเข้า  
พิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง  มีอาการลานสายตาแคบลงคล้ายมองลอดอุโมงค์  เสียงดังก้องในหู  คลื่นไส้ กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก  กระสับกระส่าย มึนงง เกิดอาการชักคล้ายกับลมบ้าหมูและหมดสติ  ถ้าเกิดอาการขณะดำน้ำ จะทำให้นักดำน้ำเสียชีวิตจากการจมน้ำได้
การป้องกันและการรักษา   นักดำน้ำจะต้องมีสุขภาพที่สมบูรณ์ ควรได้รับการทดสอบความทนต่อออกซิเจน ในห้องปรับบรรยากาศความกดดันสูง หากผู้เข้ารับการทดสอบคนใดมีอาการ O2 Toxicity  ควรหลีกเลี่ยงการดำน้ำที่ต้องใช้ออกซิเจนเปอร์เซ็นต์สูงและหลีกเลี่ยงการดำน้ำที่มีความลึกมากๆ

1.2  ปัญหาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 
  ภาวะ  Hypercapnea ( ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในร่างกาย) สาเหตุจากการทำงานหนัก  การระบายอากาศไม่ดี    
การกลั้นหายใจ   อุปกรณ์ขัดข้อง เช่น การไม่ทำงานของสารฟอกคาร์บอนไดออกไซด์    ทำให้เกิดอาการปวดมึนศีรษะ คลื่นไส้ สับสน หมดสติและเสียชีวิตได้ การบรรเทาภาวะนี้เมื่อเกิดขึ้นใต้น้ำ ควรหยุดกิจกรรมทั้งหมดที่ทำอยู่ เพื่อให้มี adequate ventilation หรือยกเลิกการดำน้ำ ส่วนภาวะ  Hypocapnea  (คาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเกินไป ) จะเกิดตามหลังภาวะ Hyperventilation    จะเกิดอาการ ชา เกร็ง ปลายมือปลายเท้า มึนงง เวียนศีรษะ  ถ้าภาวะนี้ไม่ดีขึ้นเอง เมื่ออยู่ใต้น้ำ ให้ยกเลิกการดำ

1.3  ปัญหาจากก๊าซคาร์บอนมอนน็อกไซด์ 
   ก๊าซคาร์บอนมอนน็อกไซด์  อาจพบปนเปื้อนในอากาศที่นักดำน้ำใช้หายใจ  หากมีการปนเปื้อนมาก จะทำให้เกิด
อาการ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ สับสน จนกระทั่งหมดสติ และเสียชีวิตได้  การแก้ไข โดยการให้นักดำหยุดดำน้ำ และให้ออกซิเจน 100 %  เพื่อลดปริมาณของ  carboxyhemoglobin

1.4  ปัญหาจากก๊าซไนโตรเจน 
   ก๊าซไนโตรเจน เป็นส่วนประกอบที่พบมากที่สุดในอากาศ  ที่ความลึกมากกว่า  100  ฟุตน้ำทะเล แรงดันย่อยของ
ไนโตรเจน จะสูงมากจนทำให้เกิดเป็นพิษได้  เรียกว่า เมาไนโตรเจน  ( Nitrogen narcosis)   จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบสั่งการและการตัดสินใจ  เนื่องจากอากาศที่ใช้หายใจในการดำน้ำของนักดำน้ำทั่วไปเป็นอากาศอัด มวลของอากาศมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศที่พื้นผิวโลก ภายใต้ความลึกก๊าซต่าง ๆ จะแพร่กระจายเข้าสู่เนื้อเยื่อของร่างกายได้มากขึ้น ในอากาศที่นักดำใช้หายใจนั้นมีไนโตรเจนประมาณ 78 % ไนโตรเจนเองมีคุณสมบัติเป็นก๊าซเฉื่อยที่มีฤทธิ์กดประสาทและจะเริ่มออกฤทธิ์เมื่ออยู่ที่ระดับความลึก  80-100 ฟุตน้ำทะเล การเมาไนโตรเจนจะขึ้นอยู่กับ 

ความลึก ยิ่งลึกมากยิ่งมีอาการมาก ทั้งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลา
ธรรมชาติของแต่ละบุคคล
การปรับตัว
อาการ  รู้สึกตัวเบา ครึ้มอกครึ้มใจ หัวเราะแบบควบคุมไม่ได้ อาการคล้ายเมาเหล้าไม่สามารถทำงานที่ใช้ความละเอียดอ่อนได้ มึนงงไม่สามารถตั้งสมาธิได้ ขาดการตัดสินใจ เห็นภาพหลอน ซึมเศร้าและหมดสติได้ในที่สุด
การป้องกันและการรักษา  การป้องกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การดำน้ำจะต้องไม่ดำลึกเกินไป  ไม่ควรดำน้ำคนเดียว ควรดำอย่างน้อย 2  คน และผู้ที่ดำน้ำ ควรมีความรู้ในการดำน้ำด้วย ถ้ามีอาการขณะดำน้ำให้ ลดแรงดันย่อยของไนโตรเจน โดยการดำขึ้นสู่ที่ตื้นหรือผิวน้ำ

1.5  ปัญหาจากก๊าซฮีเลียม
  ก๊าซฮีเลียม เป็นก๊าซที่ใช้ผสมในอากาศที่ใช้หายใจในการดำน้ำลึก ที่เรียกว่าการดำแบบอิ่มตัว (Saturation diving)
เป็นการใช้เพื่อป้องกัน การเมาก๊าซไนโตรเจน แต่ก๊าซอีเลียม ทำให้เกิดการสูญเสียความร้อนของร่างกาย ต้องระวังภาวะ Hypothermia ด้วยการทำให้ก๊าซร้อน และใส่ชุดป้องกันการสูญเสียความร้อน  ก๊าซอีเลียมยังทำให้เสียงที่ใช้ในการสื่อสารผิดเพี้ยน คล้ายเสียงเป็ด เรียกว่า Donald duck effect  ปัญหาต่อระบบประสาทส่วนกลาง จะมีอาการสั่นของกล้ามเนื้อ   สูญเสียการทรงตัว ในรายที่รุนแรงจะมีการรับรู้ที่ผิดเพี้ยน และสับสนมาก

2.  ปัญหาจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตราย 
2.1  อันตรายจากอุณหภูมิ 
  นักดำน้ำมีโอกาสสูญเสียความร้อน จากการนำพา ของน้ำโดยเฉพาะ ในน้ำที่เคลื่อนไหวหากอุณหภูมิในน้ำต่ำกว่า       
30  องศาเซลเซียส ภาวะอุณหภูมิต่ำ (Hypothermia) ที่เกิดขึ้น อาจรุนแรงจนกระทั่งทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น Ventricular  fibrillation  และภาวะอุณหภูมิสูง (Hyperthermia) มักพบในน้ำที่อุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส ทำให้เกิด  Heat cramps , Heat  exhaustion    จนกระทั่ง  Heat stroke

2.2  อันตรายจากเสียง 
  เสียงเดินทางในน้ำได้ดีกว่าในอากาศ นักดำน้ำสามารถได้ยินเสียง แม้จะอยู่ห่างในระยะไกล แต่ไม่สามารถ บอกทิศทาง 
ของแหล่งกำเนิดเสียงได้ โซนาร์ ( Sonar )  ทางทหารบางชนิด ทำอันตรายต่อระบบ  Vestibular ของหูได้

2.3  อันตรายจากแรงระเบิด 
      การระเบิดใต้น้ำทำอันตรายต่อนักดำน้ำโดย การบาดเจ็บจะส่งผ่านทาง  Shock wave  ไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายที่มีช่องอากาศอยู่  เช่น ปอด ลำไส้ ไซนัส หูชั้นกลาง เกิดภาวะ Spalling  ทำให้เนื้อเยื่อเกิดฉีกขาด เลือดออกจนกระทั่งกระดูกแตกและเกิดฟองก๊าซอุดตันในหลอดเลือดแดงได้

2.4  อันตรายจากกระแสไฟฟ้า 
   เกิดไฟฟ้าดูดจากการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในการเชื่อม ตัด โลหะใต้น้ำ สภาพของเรือและตัวนักดำน้ำที่เปียกชื้นกระแสไฟฟ้าทั้ง 
กระแสตรงและสลับ  ทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อร่างกาย และอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือทำให้หัวใจหยุดเต้นได้

2.5  อันตรายจากรังสี 
  นักประดาน้ำที่ปฏิบัติการในเรือดำน้ำหรือเรือประจำการที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์มีโอกาสสัมผัสรังสีที่อยู่ท้ายเรือ

2.6  อันตรายจากสิ่งมีชีวิตในน้ำ 
1. สิ่งมีชีวิตในน้ำที่สามารถก่อให้เกิดบาดแผล เช่น จากการโดนกัด  จากปลาไหลมอเรย์  ปลาฉลาม 
2. สิ่งมีชีวิตในน้ำที่มีพิษ และสามารถปล่อยน้ำพิษเข้าสู่นักดำ (Envenomation) โดยการกัด ทิ่มแทง ตำหรือสัมผัส เช่นแมงกะพรุนกล่อง   งูทะเล  ปลากะรังหัวโขน  ปลาสิงโต ปลากระเบน หอยเม่น หอยเต้าปูน ปลาหมึกสายวงฟ้า
3. สิ่งมีชีวิตในทะเลที่มีพิษ  จากการรับประทาน เช่น พิษปลาปักเป้า 




 3.ปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงความกดดันบรรยากาศ(Decompression Illness หรือDysbaric Illness)  
1.   โรคจากการลดความกดอากาศ  (Decompression  sickness, Caisson Disease,Bends)  หรือที่เรียกว่า  น้ำหนีบ น้ำบีบ  น้ำหีบ น็อคน้ำ   เป็นโรคที่เกิดจากเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกายได้รับก๊าซไนโตรเจนภายใต้ความกดดันจนเกิดภาวะอิ่มตัว ( Saturation )     เมื่อมีการลดความกดดันอย่างรวดเร็ว ( การดำขึ้นสู่ผิวน้ำ ) เนื้อเยื่อจึงคายก๊าซไนโตรเจนที่เกินออกเกิดเป็นฟองอากาศ ( Bubbles ) เข้าสู่ระบบต่าง ๆ ของร่างกายรวมทั้งระบบการไหลเวียนของเส้นเลือด  ฟองก๊าซเกิดขึ้น เกินกว่าความสามารถของร่างกายที่จะกำจัดได้  ทำให้เนื้อเยื่อและหลอดเลือดได้รับบาดเจ็บและเกิดการอักเสบจากการเบียดแทรก บีบกด จากฟองอากาศ  เนื้อเยื่อเกิดการขาดเลือด และเกิดการอุดตันในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จนเกิดพยาธิสภาพและอาการ
     ยังพบโรคนี้จากการดำน้ำเพื่อการทำงาน  เช่น  การประมง  ดำน้ำกู้ซากเรือ  ตัดไม้ใต้น้ำ  เป็นต้น   หรือจากการดำน้ำเพื่อนันทนาการหรือจากเหตุอาชีพอื่น ๆ  ที่ต้องปฏิบัติงานภายใต้ภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงความกดดันบรรยากาศ  เช่น  งานขุดอุโมงค์ใต้ดินหรือใต้น้ำ งานทำเหมืองใต้ดิน รวมไปถึง นักบินขับไล่ไอพ่น  นักบินอวกาศ ซึ่งการขึ้นสู่ที่สูง  หรืออวกาศ จัดเป็นการลดความกดอากาศ  หากเกิดอย่างรวดเร็ว มีโอกาสเกิดโรคจากการลดความกดอากาศเช่นเดียวกับการดำน้ำได้    

แบ่งตามความรุนแรงของโรคได้ 2 ชนิดคือ 
1.1  โรคเหตุลดความกดอากาศ  ประเภทที่ 1 ( Decompression  sickness Type 1 หรือ Mild DCS)  
Musculoskeletal symptoms มีอาการปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ  พบบ่อยด้วยอาการปวดในข้อ เช่นหัวไหล่ ข้อศอก ข้อมือ ข้อเท้า ตะโพก ข้อเข่า นักดำจะมาด้วยเรื่องมีอาการปวดที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น ปวดลึกๆบอกตำแหน่งได้ยากบางครั้ง ปวดบริเวณกล้ามเนื้อ อาการจะดีขึ้นถ้าได้นวดหรือกดลงบริเวณนั้น  ข้อสังเกตที่ใช้ในการแยกจากอาการของข้ออักเสบคือ เมื่อมีการเคลื่อนไหว จะไม่เจ็บข้อมากขึ้นซึ่งต่างจากข้ออักเสบทั่วไป 
Cutaneous symptoms  มีผื่น คันที่ผิวหนัง ปกติอาการผื่น คันมักจะหายเองโดยไม่ต้องรักษาด้วย hyperbaric chamber ยกเว้นการเกิดผื่นชนิด Cutis  marmorata  เป็นอาการแสดงของความผิดปกติของระบบประสาท ลักษณะเป็นจ้ำแดงๆ  หรือเป็นปื้นม่วงๆ อาจมีอาการคันแรกเริ่ม มักพบเป็นอาการเริ่มต้นของ severe DCS  จำเป็นต้องรักษาด้วย hyperbaric chamber
Lymphatic symptoms  อาการบวมที่ต่อมน้ำเหลือง  เป็นการบวมเฉพาะที่ เกิดจากฟองอากาศอุดกั้นทางเดินของต่อมน้ำเหลือง นักดำจะมีอาการปวดตามตำแหน่งที่อุดตัน การรักษาด้วย hyperbaric chamber เพื่อลดความเจ็บปวด จะได้ผลเป็นอย่างดี

1.2 โรคเหตุลดความกดอากาศ ประเภทที่ 2 ( Decompression sickness Type 2 หรือ Severe DCS)    
     เป็นประเภทที่มีอาการรุนแรง เนื่องจากทำให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิตได้ มักเกิดกับระบบประสาท เนื่องจากในเนื้อเยื่อของระบบประสาทมีไขมันเป็นส่วนประกอบมาก และฟองก๊าซไนโตรเจนละลายในไขมันได้ดี   
Neurological symptoms อาการผิดปกติของระบบประสาทสมองและไขสันหลัง ได้แก่ อาการชา  กล้ามเนื้ออ่อนแรง  
สติ- บุคลิกภาพเปลี่ยน หลงลืม การมองเห็นผิดปกติ  มือเท้าสั่น ความทรงจำเสื่อม ปัสสาวะไม่ออก   เป็นอัมพาต
Inner ear symptoms อาการผิดปกติของหูชั้นใน เกิดจากฟองก๊าซไปก่อตัวขึ้นที่หูชั้นใน  ได้แก่ วิงเวียนศีรษะ สูญเสียการได้ยิน เสียงก้องในหู  หูอื้อ  ทรงตัวไม่ได้
Cardiovascular symptoms เกิดจากมีฟองก๊าซจำนวนมากขยายตัวเกิดขึ้นพร้อมกันในระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อปอดอย่างรุนแรง  อาการเริ่มจาก เจ็บหน้าอก หายใจเร็ว  หอบเหนื่อย ไอเป็นเลือด อาการจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว หมดสติและเสียชีวิตในที่สุด   
การป้องกันและการรักษา    ควรเริ่มตั้งแต่การป้องกัน    ก่อนการดำน้ำร่างกายจะต้องสมบูรณ์แข็งแรง     ปฏิบัติตามกฎและตารางการดำน้ำอย่างเคร่งครัด เมื่อพบผู้ป่วย DCI ควรให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างถูกวิธี ให้หายใจด้วย ออกซิเจน 100 % และรีบนำส่ง รพ.ที่มีห้องปรับบรรยากาศความกดดันสูงโดยด่วนที่สุด

 2.  กลุ่มอาการปอดพองเกิน  (Pulmonary Over Inflation Syndrome : POIS)
จัดเป็นการบาดเจ็บจากการเปลี่ยนแปลงความกดดัน ( Barotrauma ) 
      เกิดจากการหายใจด้วยอากาศที่มีความกดดันสูงใต้น้ำแล้วดำขึ้นสู่ผิวน้ำ โดยระบายอากาศออกอย่างไม่เพียงพอหรือไม่ทัน (ดำขึ้นเร็วกว่าฟองอากาศ)  มักพบในนักดำน้ำที่ใช้ถังอากาศดำน้ำ (SCUBA)   ที่เกิดอุบัติเหตุใต้น้ำแล้วตกใจ ดำขึ้นสู่ผิวน้ำโดยการกลั้นหายใจหรือมีความผิดปกติของเนื้อเยื่อปอด เช่นมี  Bleb , Bullate , Cyst    ทำให้ฟองก๊าซเซาะเข้าไปอยู่ในเนื้อเยื่อของปอด และขยายตัวมากจนทำให้ถุงลมปอดฉีกขาด ฟองก๊าซยังสามารถหลุดเข้าสู่เนื้อเยื่อและระบบไหลเวียนเลือดโดยทำให้เกิดอาการ

2.1 ลมรั่วในโพรงเยื่อหุ้มปอด ( Pneumothorax)    เกิดจาก ฟองก๊าซขยายตัวอยู่ในถุงลมปอดและระบายออกทางลมหายใจไม่ทัน ทำให้ถุงลมในปอดฉีกขาด ก๊าซเข้าไปอยู่ใน pleural cavity  เกิดอาการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อทรวงอก  
อาการ  เจ็บแปลบที่หน้าอกทันทีทันใด บางครั้งร้าวมาที่ไหล่หลัง ไอ หายใจเร็ว ติดขัด หอบ เหนี่อย 
การรักษา  โดยให้ 100% Oxygen สูดดม และทำ Chest drain

2.2 ลมรั่วในแกนปอด ( Mediastinal  emphysema ) เกิดจากก๊าซขยายตัวเซาะเข้าไปในเนื้อเยื่อแกนปอดหลัง ต่อกระดูกหน้าอก 
อาการ เจ็บแน่นหน้าอกด้านหน้า เจ็บเวลาหายใจเข้า ไอ หรือกลืน อาจปวดร้าวไปที่หลังไหล่ คาง 
ในรายเป็นไม่มากรักษาตามอาการและให้ 100% Oxygen แต่ในรายที่รุนแรงอาจจำเป็นต้องใช้ การรักษาด้วย hyperbaric chamber

2.3 ลมรั่วในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง  (Subcutaneous  emphysema )    เกิดจากก๊าซเซาะเข้าไปในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอกส่วนบนและคอ  
อาการ คอบวม กลืนลำบาก เสียงเปลี่ยน มีเสียงกรอบแกรบเวลาคลำที่คอ หรือใต้ผิวหนัง
ในรายเป็นไม่มากรักษาตามอาการและให้ 100% Oxygen แต่ในรายที่รุนแรงอาจจำเป็นต้องใช้ การรักษาด้วย hyperbaric chamber

2.4 ภาวะฟองก๊าซอุดตันในหลอดเลือดแดง (Arterial Gas Embolism : AGE )  ซึ่งรุนแรงที่สุด เกิดจากก๊าซถูกผลักดันหรือเซาะเข้าไปในหลอดเลือดดำของปอด ซึ่งจะกลับคืนเข้าสู่หัวใจ ฟองก๊าซถูกสูบฉีดไปส่วนต่างๆของร่างกาย ถ้าไปอุดตันที่หลอดเลือดแดงสมอง เกิดภาวะ Cerebral  Arterial Gas Embolism : CAGE  ทำให้มีความผิดปกติทางระบบสมอง เช่นเป็นอัมพฤกษ์คล้าย ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองเฉียบพลันทั่วไป แต่ส่วนมากมักหมดสติ หากฟองก๊าซไปอุดตันที่หลอดเลือดโคโรนารี อาจทำให้เกิดอาการแสดงโรคหัวใจเฉียบพลัน
อาการ เกิดขึ้นภายใน  10 นาที ภายหลังจากขึ้นถึงผิวน้ำ  โดยจะมีอาการตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรงมาก เช่น   ไอเสมหะเป็นฟองปนเลือด เดินโซเซ สับสน  ตาพร่ามัว อัมพาต  เป็นลม  ชัก  หมดสติ หยุดหายใจ และเสียชีวิต ซึ่งบางรายอาจพบว่าหมดสติก่อนถึงผิวน้ำ



การป้องกันและการรักษา   กลุ่มอาการปอดพองเกิน ข้อ 2.1-2.3  ให้หายใจด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ และรักษาตามอาการ      อาจต้องทำการรักษาด้วย ห้องปรับบรรยากาศความกดดันสูง ถ้ามีการตรวจพบความผิดปกติทางระบบประสาท  หรือมีภาวะฟองก๊าซอุดตันในหลอดเลือดแดงร่วมด้วย  ส่วนข้อ 2.4 หรือ  AGE  ถือเป็นภาวะเร่งด่วน ต้องได้รับการรักษาด้วย  ห้องปรับบรรยากาศความกดดันสูง อย่างทันที  หากผู้ป่วยได้รับการรักษาล่าช้า อาจส่งผลถึงประสิทธิภาพของการรักษา ทำให้ผู้ป่วยหายไม่สนิท  หรืออาจมีความพิการหลงเหลืออยู่

 3. การบาดเจ็บจากการเปลี่ยนแปลงความกดดันบรรยากาศ ( Barotrauma )
      เป็นการบาดเจ็บจากการดำน้ำที่พบบ่อยที่สุด   ความกดดันรอบตัวนักดำน้ำ ทุกๆความลึก 33 ฟุตน้ำทะเล หรือ 34 ฟุตน้ำจืด ความกดดันจะเพิ่มขึ้น 1 บรรยากาศ   การดำน้ำด้วยอุปกรณ์ และการดำน้ำลึกๆ อาจทำให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะภายในของร่างกายได้  เช่น  ช่องหูชั้นกลาง โพรงอากาศรอบๆ จมูก ( Sinus )   การเกิดการบาดเจ็บในขณะที่   นักดำน้ำ ดำลง  ช่องอากาศที่โดนบีบอัด จะมีลักษณะคล้ายสุญญากาศ ดูดเนื้อเยื่อจากผนังของช่องนั้นๆ  เพื่อปรับแรงดันให้เท่ากับแรงดันภายนอก เส้นเลือดจะคั่งและขยาย จนกระทั่งแตกและเลือดออก    เรียกว่า    Squeeze  หรือ   Negative pressure  Barotrauma   ในทางกลับกัน การขยายของช่องอากาศ สามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บได้เช่นกัน  เรียกว่า  Reverse  squeeze  หรือ  Overpressurization   เช่น กลุ่มอาการปอดพองเกิน
* การบาดเจ็บต่อหูชั้นกลาง (Middle Ear Squeeze)   เป็นอาการที่พบได้มากที่สุด หูเป็นอวัยวะที่มีโพรงอากาศ ความดันของอากาศในช่องหูชั้นกลางจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยอากาศผ่านเข้าออกทาง EustachianTube    เมื่อนักดำ ดำลงไปแรงดันของบรรยากาศภายนอกร่างกายจะดันให้เยื่อแก้วหูโป่งเข้าด้านในทำให้เกิดอาการตึงและปวดหู    ถ้าฝืนดำต่อไปอาจทำให้เยื่อแก้วหูทะลุได้ ดังนั้นนักดำจะต้องแก้ไขโดยการเพิ่มความกดดันในช่องหูชั้นกลางให้เท่ากับความดันของน้ำรอบ ๆ ตัว โดยการทำให้ท่อ Eustachian  เปิด ด้วยวิธีการปิดปาก ปิดจมูก แล้วหายใจออกแรงๆ ( วิธีการปรับหูนี้ เรียกว่า Valsalva Maneuver )  อากาศจะเข้าไปในช่องหูชั้นกลางทำให้ไม่ปวด  แต่ถ้านักดำไม่สามารถปรับหูได้    ความดันอากาศที่เปลี่ยนแปลงจะมีผลต่อ Eardrum ทำให้เกิด Hemorrhage จนถึงมีการ rupture ทำให้เกิดอาการต่างๆเช่น Vertigo, Nausea  การตรวจร่างกายพบว่ามี Tympanic membrane congestion, hemotympanum  มีการเคลื่อนไหวของเยื่อแก้วหูลดลงเมื่อตรวจด้วย pneumatic otoscope  และมักมี conduction hearing loss
* การบาดเจ็บต่อหูชั้นใน (Inner ear Barotrauma) พบได้ไม่บ่อย มักเกิดจากการปรับหูแรงเกินไป แรงดันจะส่งผ่าน cochlear duct และทำให้มีการฉีกขาดของ Round window และOval window 
อาการ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง เสียการทรงตัว สูญเสียการได้ยิน หูอื้อ 
* การบาดเจ็บต่อโพรงอากาศไซนัส  (Sinus) โพรงอากาศรอบ ๆ โพรงจมูกอาจเกิดอันตรายได้ในกรณีที่อากาศถ่ายเทเข้าหรือออกไม่ได้ หรือไม่สะดวกในขณะที่นักดำ ดำลงถ้าช่องทางออก ท่อระบาย ของโพรงอากาศอุดตัน ที่พบบ่อยคือ frontal sinusความดันของบรรยากาศภายนอกจะสูงกว่าภายในโพรงอากาศทำให้เกิดแรงบีบกดโพรงอากาศนั้นๆ นักดำน้ำจะรู้สึกปวดมาก อาจมีเลือดออกทางโพรงจมูก
การป้องกันและการรักษา    ก่อนการดำน้ำควรรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงไม่ควรดำน้ำในขณะที่ไม่สบายหรือเป็นหวัดหากมีอาการปวดโพรงอากาศ  (Sinus)  ควรหยุดดำน้ำ
* การบาดเจ็บต่อฟัน  จากการมีช่อง/หลุมอากาศเล็กๆในฟัน ซึ่งหลุมอากาศนี้อาจเกิดจากฟันผุ  หรือจากการอุดฟันที่ไม่แน่น การติดเชื้อของเหงือก เพิ่งถอนฟัน 
การป้องกันและการรักษา   รักษาฟันผุ   หลังทำฟัน อุดฟัน พักอย่างน้อย 1 วันก่อนดำน้ำ
* การบาดเจ็บต่อปอด   ขณะลอยตัวขึ้นทำให้เกิด Arterial Gas Embolism   เกิดจากภาวะปอดฉีกขาดขณะลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้อากาศภายในปอดเข้าไปอุดตันในระบบไหลเวียนเลือด ระบบประสาท เกิดอาการ หมดสติ  อาการทางสมอง อัมพาต และอาจเสียชีวิตได้
การป้องกันและการรักษา   ควรเริ่มตั้งแต่การป้องกัน ก่อนการดำน้ำร่างกายจะต้องสมบูรณ์แข็งแรง     ปฏิบัติตามกฎและตารางการดำน้ำอย่างเคร่งคัด เมื่อพบผู้ป่วย DCI ควรให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วให้หายใจด้วย ออกซิเจน 100 % และรีบนำส่ง รพ.ที่มีห้องปรับบรรยากาศความกดดันสูงโดยด่วนที่สุด

เครดิตข้อมูลจาก : รพ.วชิระภูเก็ต (vachiraphuket.go.th)



Blogger 提供支持.